31 มกราคม 2558

นับจำนวนตัวอักษรใน Cell ด้วย Function…LEN

............................................................................

การนับจำนวนตัวอักษรใน Cell ด้วย Function LEN สามารถใช้ได้ทั้งกับข้อมูล Text  ,  Number  และ  ค่าที่อยู่ในรูป Formula

สูตรใน Excel คือ  =LEN(a)
แปล  นับจำนวนตัวอักษรของตัวแปร  a

ตัวอย่างที่ 1
นับจำนวนตัวอักษร  โดยที่ตัวแปร  a  อยู่ในรูปแบบ  Text

แทนที่ตัวอักษรเดิมด้วย Function…SUBSTITUTE

............................................................................

 การใช้ Function SUBSTITUTE เพื่อแทนที่ตัวแปร ด้วยตัวแปรอีกตัวหนึ่ง  สามารถใช้ได้ทั้งกับข้อมูล Text  ,  Number  และ  ค่าที่อยู่ในรูป Formula

สูตรใน Excel คือ  =SUBSTITUTE(a,b,c,d)
แปล  มีตัวแปร  a  ให้แทนค่าตัวอักษร  b  ที่อยู่ใน  a  ด้วย  c  โดยมีเงื่อนไข  d
         d  ไม่ใส่ค่า  คือ  การแทนที่ตัวอักษรทั้งหมด
         d  ใส่ค่า Number  คือ  การแทนที่ตัวอักษรตัวที่เท่าไหร่

ตัวอย่างที่ 1
มีตัวแปร  a  ที่อยู่ในรูปแบบ Text   ต้องการแทนที่ตัวแปร  b  ซึ่งอยู่ใน  a  ด้วยตัวแปร  c


30 มกราคม 2558

ค้นหาตำแหน่งด้วย Function…MATCH

............................................................................

Function MATCH เป็นการค้นหาตำแหน่งของตัวแปร ซึ่งการใช้ Function นี้จะต้องประกอบไปด้วยชุดของตัวแปรที่จะเข้าไปค้นหา และตัวแปรที่จะค้นหา

สูตรใน Excel คือ  =MATCH(a,b:b,c)
แปล  หาตัวแปร  a  ในชุดข้อมูล  b  โดยจะมีเงื่อนไข  c  ซึ่งเงื่อนไขจะมี  3  แบบ
          c  =  0   เป็นการหาตำแหน่งที่ในชุดข้อมูล  b  ต้องมีตัวแปร  a  อยู่
          c  =  1   เป็นการหาตำแหน่งที่ในชุดข้อมูล  b  ไม่จำเป็นต้องมีตัวแปร  a  อยู่
                       ข้อมูลต้องเรียงลำดับแบบน้อยไปมาก
          c  =  -1  เป็นการหาตำแหน่งที่ในชุดข้อมูล  b  ไม่จำเป็นต้องมีตัวแปร  a  อยู่
                       ข้อมูลต้องเรียงลำดับแบบมากไปน้อย
 ตัวอย่างที่ 1
ค้นหาตำแหน่ง ในชุดข้อมูล  b  โดยมีเงื่อนไข  =  0

29 มกราคม 2558

สร้างเงื่อนไขด้วย Function…IFERROR

............................................................................

 Function IFERROR เป็นการสร้างเงื่อนไข พร้อมกับตรวจสอบ Error จากการคำนวณ

สูตรใน Excel คือ  =IFERROR(a,b)
แปล  ถ้า  a  ไม่มี Error ให้แสดงค่า  a  แต่ถ้า  a  มี Error ให้แสดงค่า  b


การใช้ Function IFERROR จะมีค่าเท่ากับการใช้ Function IF ที่มีสูตรการตรวจสอบ Error ดังนี้...
=IFERROR(a,b)     เท่ากับ     =IF(ISERROR(a),b,a)

ตัวอย่างที่ 1 , 2
เอาตัวแปร a หารด้วยตัวแปร b แล้วเช็คผล Error ถ้า Error ให้ใส่ค่า = 10

ตัดข้อมูลที่เป็นช่องว่างด้วย Function…TRIM

............................................................................

การใช้ TRIM เพื่อตัดช่องว่างทั้งหมดที่อยู่หน้า  กับ  ท้ายของข้อมูลออก  แต่ไม่สามารถตัดช่องว่างที่อยู่ตรงกลางข้อมูลได้

สูตรใน Excel คือ  =TRIM(a)
แปล  การตัดช่องว่าง บริเวณหน้า กับ ท้าย  ข้อความ a ออกทั้งหมด

ตัวอย่างที่ 1
มีช่องว่างอยู่ด้านหน้าของข้อมูล

ตัวอย่างที่ 2
มีช่องว่างอยู่ด้านท้ายของข้อมูล

ปัดเศษตัวเลขด้วย Function…ROUND , ROUNDUP , ROUNDDOWN

............................................................................

การปัดเศษตัวเลขมีอยู่ 3 แบบ คือ
1.  ROUND เป็นการปัดเศษได้ทั้งปัดขึ้น และปัดลง
     โดยมีเงื่อนไข คือ ถ้าค่า >= 5 จะปัดขึ้น  และจะปัดลง เมื่อค่า < 5
2.  ROUNDUP เป็นการปัดเศษขึ้นทุกกรณี
3.  ROUNDDOWN เป็นการปัดเศษลงทุกกรณี

สูตรใน Excel คือ  =ROUND(a,b)
        =ROUNDUP(a,b)
         =ROUNDDOWN(a,b)
แปล  ทั้ง 3 แบบ เป็นการปัดเศษตัวเลข  a  ด้วยจำนวนหลักตัว  b
         กรณีหลักหน่วย b =  0 , หลักสิบ b =  1 , ทศนิยมตำแหน่งที่ 1 ค่า b =  -1
        
ตัวอย่างที่ 1 , 2
ใช้ ROUND ปัดเศษหลักหน่วย โดยที่ตัวอย่างที่ 1 เป็นการปัดเศษขึ้น  และตัวอย่างที่ 2 เป็นการปัดเศษลง

ค้นหาข้อมูลด้วย Function…VLOOKUP , HLOOKUP

............................................................................

การใช้ Function VLOOKUP , HLOOKUP  เป็นการหาข้อมูล โดยจะมีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ   1. ชุดของข้อมูลที่จะค้นหา   2. ตัวแปรที่ต้องการค้นหา
ข้อแตกต่างระหว่าง VLOOKUP และ HLOOKUP คือ VLOOKUP ใช้ค้นหาข้อมูลในแนว Column ส่วน HLOOKUP ใช้ค้นหาข้อมูลในแนว Row

สูตรใน Excel คือ  =VLOOKUP(a,b:b,c,d)
                                       =HLOOKUP(a,b:b,c,d)
แปล  การค้นหาค่า  a  ในช่วงข้อมูล  b:b
         ตัว  c  เป็นตัวกำหนดว่าจะเอาข้อมูล  Row  หรือ  Column  ที่เท่าไหร่
         ตัว  d  จะมีค่าเป็น TRUE , FALSE  เป็นตัวกำหนดความคลาดเคลื่อนของข้อมูล
 
*  เนื่องจาก VLOOKUP กับ HLOOKUP มีความใกล้เคียงกันในการใช้งาน ในที่นี้จึงยกตัวอย่างมาเพียงวิธีใช้ VLOOKUP เท่านั้น


นับจำนวนด้วย Function…COUNTIFS

............................................................................

การใช้ Function COUNTIFS เป็นการนับจำนวน โดยมีเงื่อนไข    ซึ่งจะดีกว่า COUNTIF ตรงที่สามารถกำหนดเงื่อนไขในการนับจำนวนได้มากกว่า 1 เงื่อนไข

สูตรใน Excel คือ  =COUNTIFS(a:a,b,c:c,d)
แปล  นับจำนวนโดยกำหนดเงื่อนไขในช่วง  a:a  ด้วย  b  และกำหนดเงื่อนไขในช่วง  c:c ด้วย  d  โดยจะการนับจำนวนจะเกิดขึ้นต้องเข้าเงื่อนไขทั้ง 2 เงื่อนไข

ตัวอย่าง 1
กรณีตัวแปรชุดแรกเป็น  Text  มีชุดตัวแปร  a  ,  b  ให้นับจำนวน เมื่อเข้าเงื่อนไข  1  ,  2


หาผลรวมด้วย Function…SUMIFS

............................................................................

การใช้ Function SUMIFS เป็นการหาผลรวม โดยมีเงื่อนไข    ซึ่งจะดีกว่า SUMIF ตรงที่สามารถกำหนดเงื่อนไขในการหาผลรวมได้มากกว่า 1 เงื่อนไข

สูตรใน Excel คือ  =SUMIFS(a:a,b:b,c,d:d,e)
แปล  หาผลรวมในช่วง  a:a  โดยกำหนดเงื่อนไขการรวม  c  ในช่วง  b:b  และเงื่อนไขการรวม  e  ในช่วง  d:d

ตัวอย่าง 1
กรณีตัวแปรชุดแรกเป็น  Text  มีชุดตัวแปร  a  ,  b  ,  c  ให้หาผลรวมในชุดตัวแปร  c  โดยกำหนดเงื่อนไขในชุดตัวแปร  a  และ  b


สร้างเงื่อนไขด้วย Function…IF

............................................................................

การใช้ Function IF เป็นการสร้างเงื่อนไขแบบตรรกะ TRUE , FALSE

สูตรใน Excel คือ  =if(a>=b,1,0)
แปล  ถ้า a>=b เป็นจริง (TRUE) ให้ใส่ค่า 1     ถ้าไม่เป็นจริง (FALSE) ให้ใส่ค่า 0

ตัวอย่าง 1
มีตัวแปร  a  ,  b
ถ้า         a >= b        ให้แสดงค่า  1
ถ้า         b > a          ให้แสดงค่า  0

การใช้เครื่องหมายต่างๆ

............................................................................

 เครื่องหมายใน Excel ที่ใช้บ่อย ได้แก่
+  ,  -  ,  *  ,  /  ,  ^  ,  > ,  <  ,  <>  ,  =  ,  >=  ,  <=  ,  and  ,  or  ,  &  ,  " "



 ............................................................................

การ Refer ถึง Cell อื่น

............................................................................
เป็นการอ้างอิงถึงข้อมูลใน Cell อื่น
ตัวอย่าง 1...Cell D1 อ้างอิงถึงข้อมูลใน Cell A1 ใน Sheet เดียวกัน

เลือก Cell D1 แล้วพิมพ์  =a1  หรือ  =A1  ก็ได้











28 มกราคม 2558

วิธีใช้ Copy , Paste , Find , Replace

............................................................................

วิธีใช้ Copy และ Paste ทำได้ 2 วิธี

วิธีที่ 1
1. ใช้ Mouse Click ขวา เลือก Copy

















27 มกราคม 2558

ประเภทของ File Excel

............................................................................

วิธีการ Save ทำตามรูป

















............................................................................